H-Beam
- ลักษณะเด่น : หน้าตัดเป็นรูปตัวเอช(H) ปีกมีความกว้างเท่ากันกับความกว้างของแผ่นตรงกลาง มีหน้าตัดให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ H100 x 50mm ถึงสูงสุด H900 x 300 มิล การใช้งานจึงหลากหลายมากขึ้น
- มาตรฐาน มอก. 1227-2539
- ต้านทานการตัดโค้ง (Bending) และการบิด (Twisting) ได้ดี นิยมใช้เป็นเสาคานและตงพื้น
- การใช้งาน : โครงสร้างอาคาร เช่น ที่จอดเครื่องบิน (Hangar) โครงสร้างโรงงานหรือโครงการขนาดใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ เพราะมีความแข็งแรงสูงและควรค่าแก่การลงทุน
I-Beam
- ลักษณะเด่น : หน้าตัดเป็นรูปตัวไอ(I) คล้ายกับเหล็กเอชบีมแต่ต่างกันที่ปีก เพราะปีกของไอบีมจะเป็นมุมลบเหลี่ยม แต่มีโคนปีกที่หนาจึงรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี
- ต้านทานการตัดโค้ง (Bending) และการบิด (Twisting) ได้ดี นิยมใช้เป็นเสาคานและตงพื้น
- การใช้งาน : เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักและแรงกระแทกสูง เช่น เครื่องจักร รางเครน เสาส่งไฟฟ้าแรงสูง เสาวิทยุหรือโทรศัพท์
Wide Flange
- ลักษณะเด่น : หน้าตาคล้ายกับเหล็กเอชบีมและไอบีม แต่ไวด์แฟรงค์จะมีความกว้างของแผ่นตรงกลางมากกว่าปีกทั้ง 2 ข้าง และมีความเท่ากันตลอดทั้งแผ่น ทำให้เหล็กมีเนื้อเดียวกัน และยังคงความแข็งแรง ไม่มีรอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ
- หน้าตัดมาตรฐาน ASTM ของประเทศสหรัฐอเมริกา
- การใช้งาน : เหมาะสำหรับงานเสา คาน โครงสร้างหลังคา โครงสร้างคอนกรีต ช่วยลดขั้นตอนในการทำงานและดูแลรักษาง่าย
เป็นยังไงกันบ้างคะ? หวังว่าข้อมูลของความต่างนี้จะช่วยในการเลือกนะคะ เมื่อเรารู้ว่าเหล็กแบบไหนเหมาะกับหน้างานแบบไหน งานออกมาจะสมบูรณ์แบบมากๆเลยค่ะ ส่วนใครที่ยังคงงงๆหรือมีคำถาม หรือมีขนาดที่ต้องการอยู่ในมือแล้ว ทักหาเราได้เลย ทาง @kuanglee นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
lekkla และ kitcharoen-steel